กล้าเลือก...ก็รวย
คงไม่แปลก ถ้าจะบอกว่าทุกคนเกิดมาเท่ากัน มีแค่ร่างกายมีแค่จิตวิญญาณความเป็นมนุษย์ที่ต่อสู้มาแต่กำเนิด โค๊ชแนวพลังใจทั้งหลายชอบพูดว่า เรามีสัญญาตญาญแห่งชัยชนะมาแล้วตั้งแต่เกิด เพราะเมื่อเราปฎิสนธิ เราต้องแข่งขันกับสเปริม์จำนวนนับล้าน ในการวิ่งอย่างรวดเร็วที่สุดเพื่อจะเจาะไข่ก่อตัวปฎิสนธิให้เกิดเป็นเรา เราชนะตั้งแต่เกิด เพียงแต่เราลืมสัญชาติญาณแห่งชัยชนะ ปล่อยให้เราตกอยู่กับสภาพแวดล้อมแห่งการพ่ายแพ้เอง ชีวิตจึงยังไม่ประสบความสำเร็จ
ในธุรกิจก็เช่นกัน เราตกอยู่ในแวดล้อมของความล้มเหลวที่เห็นอยู่รอบตัวจนมี กรูผู้รู้สรุปว่าการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมีเพียง 1 ใน 10 เท่านั้น ที่เป็นเช่นนั้นเพราะ การเริ่มต้นธุรกิจเกิดขึ้นง่าย หลายคนคิดว่าแค่มีอาชีพ ทำธุรกิจเลี้ยงตัวเลี้ยงครอบครัว จึงตัดสินใจเลือก เลือกที่จะทำสิ่งที่ตนถนัด เลือกที่จะทำในสิ่งที่ตนชอบ เลือกที่จะทำในสิ่งท่ีต้นมีความรู้ ซึ่งไม่ได้ผิดอะไรเลย ความสำคัญจึงอยู่ที่ว่า "เราเลือกอะไร" สิ่งที่เลือกให้ผลตอบแทนอย่างไร เลือกปลูกพืช เลือกเป็นเกษตรกร ก็ได้ผลตามเวลาของพันธุ์พืช ปลูกข้าวต้อง 100 วัน จึงจะเก็บเกี่ยว ปลูกทุเรียนต้อง 1 ปีถึงจะได้ผลผลิตได้ขายมีรายได้ ขณะที่หลายคนคิดทำงานกินเงินเดีอน เพื่อให้มีรายได้ทุกเดือน หลายคนเลือกทำงานเป็นเจ้าของธุรกิจเพื่อให้มีรายได้มากกว่าเงินเดือน ทั้งหมด พวกเราเลือกเองทั้งนั้น
5 วิธีเลือกของคนรวย เลือกที่จะรวย
1. เลือกวิธีการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าเมื่อคำนวณผลต่อแทนต่อเวลาที่ใช้ไป ตัวอย่าง การฝากเงินธนาคารมีผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย 1.5 ต่อปี จากเงินต้น (ซึ่งต่ำมาก) หากเอาเงินต้นก้อนเดียวกันมาลงทุนซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนเปิดอาจได้ผลต่อแทนที่ร้อยละ 5 หรือมากกว่าต่อปี ซึ่งมากกว่าฝากธนาคาร 5 เท่าในเวลาเท่ากัน และถ้าเอาเงินต้นเดียวกันมาลงทุนในตลาดหุ้น อาจได้ผลตอบแทนมากว่าร้อยละ 30 ต่อปี หรือมากกว่า 6 เท่าของการลงทุนในกองทุน หรือ 30เท่าของการฝากเงินในธนาคาร ดั้งนั้น ควรเลือกวิธีการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง และควรดูเรื่องความเสี่ยงต่อการลงทุนเสมอ อย่าลืมว่า ผลตอบแทนยิ่งสูง ความเสี่ยงต่อการลงทุนยิ่งมาก อย่าโลภเมื่อต้องลงทุนทำธุรกิจ
2. เลือกช่องทางการสร้างรายได้ มีความเร็วในการให้ผลตอบแทน ต่อ ความเสี่ยงที่อาจทำให้ธุรกิจต้องประสบปัญหา ทุกพูดคุยกับผู้ประสบความสำเร็จ จะพบว่าเขามักจะให้ความสำคัญกับช่องทางการสร้างรายได้ก่อน การลงทุนเสมอเขามองเรื่องที่มาของรายได้ว่ามีความเป็นไปได้มากหรือน้อย โดยมักจะมองหาเรื่องความเสี่ยงมาพิจาณาหักล้างเสมอ เพื่อลดความสงสัยในการลงทุน เช่นกัน การทำธุรกิจแบบออนไลน์ หรือ ออฟไลน์ ล้วนมีรูปแบบความเสี่ยงที่แตกต่างกัน สิ่งแรกที่ควรมองหาคือ ช่องทางการหารายได้ ขายกับใคร ใครคือลูกค้าหลัก มีความมั่นคงในการสั่งซื้อหรือซื้อซ้ำหรือไม่ ลูกค้าอยู่ที่ไหน มีวิธีการอย่างไรในการเข้าถึงลูกค้าเหล่านั้น ทำไมลูกค้าต้องซื้อสินค้าของเรา คำถามเล่านี้ทำให้โอกาสในการประสบความสำเร็จ โอกาสในการสร้างความร่ำรวยชัดเจนขึ้นอยางมาก จึงควรฝึกที่จะถามตัวเองทุกครั้งที่ต้องตัดสินใจลงทุน รวยเร็วต้องปลอดภัย รวยเร็วต้องถูกกฎหมาย รวยเร็วเพราะเลือกช่องทางถูกต้อง
3. เลือกเทคโนโลยีที่ช่วยให้ต้นทุนต่ำ เมื่อเทียบกับเวลา ในยุคที่เทคโนโลยีมีความจำเป็นอย่างมากทุกด้านในธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดการอย่างเรื่องการบริหารงานบัญชีการเงิน ต้นทุน สต๊อก ข้อมูลการตลาด การจัดการตลาด การเข้าถึงลูกค้าการขาย การขนส่ง เหล่านี้ล้วนมีเครื่องมือมากมายในการช่วยสนับสนุนให้งานมีประสิทธิภาพและได้รับผลตอบแทนเร็วขึ้น เมื่อเทียบกับเวลา ตัวอย่าง การตลาดออนไลน์ ที่ลดต้นทุนเรื่องทำเลการขาย พนักงานขาย เพิ่มเวลาการขายให้สามารถขายได้ตลอด 24ชั่วโมงเป็นต้น การเลือกใช้เทคโนโลยีที่ได้ผลลัพธ์ดีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีควรเข้าใจระบบการทำงานของเทคโนโลยี และให้ความสำคัญกับการจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ มาใช้ประโยชน์ เทคโนโลยีดีเกิดจากการมีข้อมูลในการประมวลผล การใช้เทคโนโลยีจึงจะได้ผลที่น่าพอใจ
4. เลือกสินค้าหรือบริการที่สร้างรายได้ที่ต่อเนื่อง สินค้าหรือบริการเป็นเสมือนเครื่องมือในการไล่ล่าเก็บเงินที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ ถ้าจะมองให้ชัดเจนสามารถมองกลุ่มสินค้าหรือบริการได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีราคาปานกลางถึงสูง ลูกค้าต้องอาศัยการคิดการตัดสินใจค่อนข้างนานก่อนเลือกซื้อ กลุ่มสินค้าที่มีราคาไม่สูงมาก ลูกค้าซื้อง่าย ไม่คิดเยอะ ตัดสินใจด้วยอารมณ์ การเลือกตัดสินใจว่าจะขายอะไร ทำธุรกิจอะไร ผู้ประกอบการที่ร่ำรวยเลือกที่จะทำธุรกิจที่ ได้ผลตอบแทนสูงเมื่อเที่ยบกับเวลา ไม่ว่าจะเป็นสินค้ากลุ่มราคาปานกลางถึงสูง หรือสินค้ากลุ่มที่มีราคาไม่สูงมาก แพงขายน้อยกำไรมาก แพงขายมากำไรน้อย ถูกขายน้อยกำไรน้อย ถูกขายมากกำไรน้อย
5. เลือกพันธมิตรการค้าที่ดี พันธมิตรทางธุรกิจกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทวีความสำคัญมากขึ้นมาก ด้วยเพราะทุกธุรกิจมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน ขณะที่มีจุดอ่อนที่แตกต่างกันเช่นเดียวกัน การสร้างความสามารถในการแข่งขันจึงมีความจำเป็น กลยุทธ์การสร้างความสามารถในการแข่งขันที่เร็วที่สุดคือ การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งสามารถใช้ได้ทันทีเติมเต็มสิ่งที่ธุรกิจขาดได้ทันทีด้วยการใช้ความสามารถของคู่พันธมิตรมาเติมจุดที่ยังเป็นจุดอ่อนของกิจการนั่นเอง ระหว่างพันธมิตรธุรกิจ กับ มิตรภาพของเพื่อนแตกต่างกัน ตรงที่ พันธมิตรธุรกิจ อยู่บนพื้นฐาน "ต่างคนต่างได้" (win win) แต่มิตรภาพของเพื่อน อาจอยู่บนพื้นฐาน "ความช่วยเหลือ" ซึ่งต้องมีฝ่ายหนึ่งได้ ฝ่ายหนึ่งเสีย (zero sum) ผู้ประกอบการต้องเข้าใจเลือก
ความร่ำรวยไม่ใช่เรื่องของวาสนา แต่เป็นเรื่องของการ "เลือกวิธีการ" ดำเนินชีวิต เป็นเรื่องที่ทุกคนเลือกได้ถ้ามีความกล้า ถ้ามีเป้าหมาย อยู่ที่ว่ากล้าเลือกกล้าตัดสินใจ บวกความมุมานะอดทนในการสร้างเส้นทางชีวิตของตนเองมากน้อยแค่ไหน รู้ตัวเองตลอดเวลาหรือไม่ว่ากำลังเลือกเดินอยู่บนเส้นทางแห่งความร่ำรวย หรือเลือกเดินอยู่บนเส้นทางแห่งความพอเพียงมีกินมีไช้ จุดนี้ต้องทบทวนชีวิตด้วยตัวเอง
*********************************
ฝากกดไลท์เพจ SME ME FAN เพื่อไม่พลาดเนื้อหาดี ๆ ในการดำเนินธุรกิจด้วยครับ
ฝากกดแชร์ ให้เพื่อน ๆ ได้มีโอกาสอ่านเรื่องราวดี ๆ ทางธุรกิจใน veerayuthblog ด้วยครับ
อ.กุ้ง เอสเอ็มอี
วีระยุทธ เชื้อไทย
ที่ปรึกษากลยุทธ์การตลาดเอสเอ็มอี
0 ความคิดเห็น